Wednesday, May 16, 2012

ขาลงราชวงศ์สเปน

(เดลีมาร์เก็ต พุธ 16 พ.ค.55)

วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 50 ปีพิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดีฆวน คาร์ลอส ที่ 1 และสมเด็จพระราชินีโซเฟีย แห่งสเปน แต่ปราศจากงานเฉลิมฉลองใดๆ แตกต่างจากเมื่อปี 2530 ที่มีงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในวาระครบรอบ 25 ปีวันอภิเษกสมรส ทั้งสองพระองค์ทรงเชิญสามีภรรยา 25 คู่จากทั่วประเทศ ที่แต่งงานกันเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2505 ร่วมงานเลี้ยงที่พระราชวังหลวงด้วย

การที่ไม่มีงานเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ตอกย้ำข่าวลือความบาดหมางระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินี หลังเกิดเรื่องอื้อฉาวหลายระลอก โดยเฉพาะกรณีล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน สมเด็จพระราชาธิบดีเสด็จล่าช้างในบอตสวานา และประสบอุบัติเหตุจนต้องทรงเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อพระโสณี (สะโพก) ปรากฏว่าสมเด็จพระราชินีเสด็จไปที่โรงพยาบาลเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

นักวิจารณ์พากันตั้งข้อสังเกตทันทีว่า การที่สมเด็จพระราชินีทรงใช้เวลาเยี่ยมสมเด็จพระราชาธิบดีเพียง 26 นาที เป็นสัญญาณแสดงความร้าวฉานอย่างมากระหว่างทั้งสองพระองค์ อีกทั้งสมเด็จพระราชินีไม่ได้ร่วมเสด็จในขบวนล่าช้าง แต่กลับเสด็จไปฉลองเทศกาลอีสเตอร์ร่วมกับสมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่สองแห่งกรีซ พระอนุชา

นอกจากนี้ สมเด็จพระราชินีจะเสด็จเพียงลำพัง ในงานเลี้ยงพระกระยาหารกลางวันที่ปราสาทวินด์เซอร์ วันที่ 18 พฤษภาคมนี้ เพื่อฉลองการครองราชย์ครบ 60 ปีของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองแห่งอังกฤษ

โฆเซ อันโตนิโอ ซาร์ซาเลโฮส นักวิจารณ์ราชวงศ์ กล่าวว่า ความล้มเหลวของชีวิตคู่ระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินี เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป ทั้งสองพระองค์ทรงแยกกันอยู่มานานแล้ว

พิลาร์ แอร์ ผู้แต่งหนังสือ The Solitude of the Queen อ้างว่า สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีทรงแยกห้องบรรทมมาตั้งแต่ 35 ปีก่อน หลังจากสมเด็จพระราชินีทรงพบว่าสมเด็จพระราชาธิบดีทรงหลับนอนกับหญิงอื่น

การแสดงความเห็นเกี่ยวกับราชวงศ์ผ่านสื่อกระแสหลักเป็นเรื่องไม่ปกติ แต่เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทำให้ความนิยมต่อราชวงศ์สเปนเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว เรื่องที่เคยซุบซิบกันก็ไปโผล่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ รวมถึงข่าวลือว่าสมเด็จพระราชาธิบดีทรงเคยพยายามเกี้ยว ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ และทรงหลับนอนกับผู้หญิงกว่า 1,500 คน อีกทั้งยังทรงสนิทสนมกับหญิงผู้ดีชาวเยอรมันที่อายุอ่อนกว่าพระองค์ถึง 28 ปี

รายงานข่าวอ้างว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดีและหญิงผมบลอนด์ผู้นี้ยืนยาวมา 6 ปีแล้ว และเธอร่วมเดินทางไปบอตสวานาด้วย แต่ฝ่ายหญิงออกมาปฏิเสธพร้อมขู่ว่าจะยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์ที่ระบุชื่อเธอ

ทางด้าน อินยันคี  อูร์ดันการิน ดยุคแห่งปาลมา เดอ มาลยอร์กา พระสวามีในเจ้าหญิงคริสตินา พระธิดาองค์สุดท้องในสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินี ก็ถูกกล่าวหาว่านำเงินสาธารณะไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และกลายเป็นสมาชิกรายแรกในราชวงศ์สเปนยุคใหม่ ที่ต้องถูกสอบสวนในชั้นศาล

สมเด็จพระราชาธิบดีทรงกันพระองค์และราชวงศ์ออกจากเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว โดยรับสั่งให้เจ้าหญิงคริสตินางดปฏิบัติพระกรณียกิจอย่างเป็นทางการทั้งหมด แต่แล้วกลับมีรายงานข่าวถึงอีเมลหลายฉบับที่บ่งชี้ว่าสมเด็จพระราชาธิบดีทรงเข้าแทรกแซงคดี และอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ก็ไม่ได้สืบสวนต่อ

สมเด็จพระราชาธิบดีที่ชาวสเปนเคยเคารพรักอย่างยิ่ง ทรงเผชิญเสียงเรียกร้องให้สละราชบัลลังก์ สืบเนื่องจากการเสด็จล่าสัตว์ในบอตสวานา ที่กลายเป็นการตอกย้ำช่องว่างทางชนชั้นระหว่างราชวงศ์และประชาชน ในขณะที่ชาวสเปนต้องดิ้นรนอย่างหนักท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ

ผลสำรวจความเห็นของประชาชนพบว่า ความนิยมต่อสมเด็จพระราชาธิบดีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุด นับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อปี 2518 และการเสด็จล่าสัตว์ครั้งนี้ทำให้สภาเมืองแบร์กา แคว้นคาตาลัน ลงมติเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ประกาศให้สมเด็จพระราชาธิบดีเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” ของเมืองดังกล่าว ขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดีทรงออกมาขออภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น

*เรื่องที่เกี่ยวข้อง*
คดีฉ้อฉลสะเทือนราชวงศ์สเปน


No comments: