Wednesday, January 25, 2012

วิวาห์รอบสองเจ้าชายฮัมซาห์


(เดลีมาร์เก็ต พุธ 25 ม.ค.55)

เจ้าชายฮัมซาห์ พระอนุชาต่างพระมารดาในสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่สองแห่งจอร์แดน ทรงเข้าพิธีเสกสมรสกับนางสาวบาสมา บานี หญิงสามัญชน ไปเมื่อวันที่ 12 มกราคม ถือเป็นงานวิวาห์แรกของราชวงศ์ทั่วโลกในปีนี้

พิธีเสกสมรสจัดขึ้นที่บ้านปู่เจ้าสาวในกรุงอัมมาน โดยสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ สมเด็จพระราชินีราเนีย และสมเด็จพระราชินีนูร์ พระมารดาของเจ้าบ่าว เสด็จร่วมพิธีพร้อมด้วยพระประยูรญาติพระองค์อื่นๆ และญาติๆ ฝ่ายเจ้าสาว

สมเด็จพระราชินีนูร์ ทรงทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์หลังจากพิธีเสกสมรสเส็จสิ้นว่า ขอบใจทุกคนที่ร่วมยินดีกับพิธีเสกสมรสของเจ้าชายฮัมซาห์ และทรงเชื่อว่าสมเด็จพระราชาธิบดีฮุสเซน พระบิดาของเจ้าชายฮัมซาห์ ทรงทอดพระเนตรจากเบื้องบนและทรงแย้มพระสรวลอยู่

ทางด้านสมเด็จพระราชินีราเนีย ซึ่งเป็นมือโปรด้านโซเชียลมีเดีย ก็ทรงทวีตข้อความด้วยว่า พระองค์เสด็จร่วมพิธีเสกสมรสของเจ้าชายฮัมซาห์ และทรงอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีความสุขตลอดไป

ทั้งนี้ นางสาวบาสมา วัย 26 ปี ซึ่งกลายเป็นเจ้าหญิงบาสมาหลังพิธีเสกสมรส เป็นนักบินประจำสโมสรกีฬาทางอากาศแห่งจอร์แดน และได้ชื่อว่าเป็นนักบินผาดแผลงหญิงคนแรกของประเทศ ส่วนเจ้าชายฮัมซาห์ พระชันษา 31 ปี ทรงรับราชการทหารในกองทัพจอร์แดน

พิธีเสกสมรสในวันดังกล่าว นอกจากการจดทะเบียนสมรสที่บ้านปู่ของเจ้าสาวแล้ว สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ยังพระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันที่พระราชวังบาสมัน มีนายกรัฐมนตรีจอร์แดน และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เข้าร่วมด้วย ส่วนพิธีทางทางศาสนาและงานเลี้ยงเต็มรูปแบบจะจัดขึ้นภายในไม่กี่เดือนนี้

เจ้าชายฮัมซาห์ เคยดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารจอร์แดน หลังจากสมเด็จพระราชบิดาเสด็จสวรรคต และสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ทรงขึ้นครองราชย์ในปี 2542 แต่สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ทรงถอดถอนพระอนุชาออกจากตำแหน่งดังกล่าวในปี 2547 และทรงโปรดเกล้าให้เจ้าชายฮุสเซน บิน อับดุลเลาะห์ พระโอรสองค์โต ดำรงตำแหน่งแทนเมื่อปี 2552

การเสกสมรสครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของเจ้าชายฮัมซาห์ โดยครั้งแรกทรงเสกสมรสกับเจ้าหญิงนูร์ บินต์ อาเซม พระธิดาในเจ้าชายอาเซม บิน อัล นาเยฟ ซึ่งเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่หนึ่ง

เจ้าชายฮัมซาห์และเจ้าหญิงนูร์ ทรงมีพระธิดา 1 องค์ ได้แก่ เจ้าหญิงฮายา ชันษา 4 ปี ทั้งสองทรงหย่าขาดจากกันเมื่อปี 2552

No comments: