Wednesday, January 18, 2012

ควีนมาร์เกรเธอฉลองครองราชย์ 40 ปี


(เดลีมาร์เก็ต พุธ 18 ม.ค.55)

สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ทรงครองราชย์ครบ 40 ปี เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานกว่าสมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริก ที่ 9 สมเด็จพระราชบิดา ที่ทรงครองราชย์นาน 25 ปี และสมเด็จพระราชาธิบดีคริสเตียนที่ 10 สมเด็จพระราชอัยกา ที่ทรงครองราชย์นาน 35 ปี

ในวันดังกล่าว สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ พร้อมด้วยพระขนิษฐาทั้งสองพระองค์ ได้แก่ เจ้าหญิงเบเนไดค์ และสมเด็จพระราชินีแอนน์ มารี แห่งกรีซ เสด็จวางพวงมาลา ณ สุสานหลวงของสมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริกที่ 9 และสมเด็จพระราชินีอินกริด พระราชบิดาและพระราชมารดา ที่มหาวิหารแห่งรอสไคลด์

เจ้าชายเฮนริก พระสวามี พร้อมด้วยเจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมาร พระโอรสองค์โต และเจ้าชายโจคิม พระโอรสองค์รอง และเจ้าหญิงแมรี พระชายาในเจ้าชายเฟรเดอริก โดยเสด็จด้วย ขณะที่เจ้าหญิงมารี พระชายาในเจ้าชายโจคิม งดเสด็จเนื่องจากทรงครรภ์แก่ใกล้ประสูติช่วงปลายเดือนนี้

หลังจากนั้น ทุกพระองค์เสด็จพระราชดำเนินโดยรถไฟกลับไปยังกรุงโคเปนเฮเกน และประทับรถม้าพระที่นั่งไปยังมหาศาลาประชาคม โดยมีประชาชนจำนวนมากรอรับเสด็จตลอดสองข้างทาง

สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ล ที่ 16 กุสตาฟ และสมเด็จพระราชินีซิลเวีย แห่งสวีเดน สมเด็จพระราชาธิบดีเฮอรัลด์ที่ 5 และสมเด็จพระราชินีซอนยา แห่งนอร์เวย์ และสมาชิกราชวงศ์กรีซ เสด็จร่วมงานเลี้ยงที่มหาศาลาประชาคมด้วย

สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ซึ่งจะมีพระชนมพรรษา 72 พรรษาในเดือนเมษายนนี้ พระราชทานสัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนหน้านี้ว่า ทรงพยายามเป็นตัวของพระองค์เองตลอด 40 ปีที่อยู่บนบัลลังก์ และทรงได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง ทั้งพระสวามี พระโอรส และประชาชนชาวเดนมาร์ก ถือได้ว่าทรงเป็นสตรีที่โชคดีอย่างยิ่ง

สมเด็จพระราชินีนาถแห่งเดนมาร์ก ตรัสว่า เป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะต้องครองราชย์ต่อไปตราบเท่าที่ยังมีพระชนม์ชีพ เช่นเดียวกับสมเด็จพระบิดา และสมเด็จพระอัยกาของพระองค์ อย่างไรก็ตาม พระชนมพรรษาที่มากขึ้นทำให้พระองค์ไม่อาจปฏิบัติพระราชกรณียกิจบางประการ จึงทรงโปรดเกล้าให้สมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่นๆ ปฏิบัติแทน

สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอ ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2515 หลังจากสมเด็จพระราชบิดาเสด็จสวรรคต พระองค์ทรงทบทวนความหลังว่า การขึ้นครองบัลลังก์เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก และทรงรู้สึกว่าพระองค์เองยังทรงพระเยาว์ แม้ว่าตอนนั้นจะทรงมีพระชนมพรรษาเกือบ 32 พรรษาแล้วก็ตาม แต่ก็ทรงมีความสุขกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

ผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ บ่งชี้ว่า ชาวเดนมาร์กยังคงสนับสนุนราชวงศ์ โดย 82% ต้องการให้มีสถาบันกษัตริย์ต่อไป ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถ ตรัสว่า ทรงยินดีที่ประชาชนรู้สึกว่าการมีราชวงศ์อยู่ในประเทศเป็นเรื่องธรรมชาติ

ผลสำรวจดังกล่าวแตกต่างอย่างมากจากเมื่อปี 2515 ที่ทรงขึ้นครองราชย์ โดยตอนนั้นชาวเดนมาร์กเกือบ 1 ใน 3 ต้องการให้ประเทศกลายเป็นสาธารณรัฐ

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจประมาณ 40% กล่าวว่า ต้องการเห็นเจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมาร ขึ้นครองราชย์ในเร็ววันนี้

สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอตรัสว่า คำแนะนำที่จะทรงมอบให้แก่พระโอรสพระองค์โต คือ เจ้าชายเฟรเดอริกต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันทั้งปี และต้องมีความมั่นใจว่าจะทำได้ เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพียงลำพัง เจ้าชายต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนและราชวงศ์ และต้องทำในสิ่งที่เป็นธรรมชาติของตัวเองที่สุด พระองค์ทรงเชื่อว่า เจ้าชายเฟรเดอริกจะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง

ในส่วนของพระองค์เอง สมเด็จพระราชินีนาถตรัสว่า พระองค์พยายามเปิดหูเปิดตาอยู่เสมอ และอาศัยสัญชาตญาณในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ชาวเดนมาร์กทั้งประเทศสนับสนุนพระองค์มาโดยตลอด ขณะที่พระสวามีก็คอยอยู่เคียงข้าง และพระโอรสทั้งสองต่างเจริญวัยกลายเป็นคนดีมีเหตุผล ซึ่งช่วยแบ่งเบาพระราชภาระได้เป็นอย่างดี

สมเด็จพระราชินีนาถตรัสด้วยว่า พระองค์ไม่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งสมาชิกราชวงศ์ต่างเห็นเป็นเรื่องน่าขัน แต่พระองค์ทรงรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็น และทรงรู้สึกสบายดีกับการไม่มีอุปกรณ์สื่อสารทันสมัย

No comments: