Wednesday, September 12, 2012

เรื่องเศร้าของว่าที่เจ้าสาว

แกรนด์ดยุคกีโญมและพระคู่หมั้น
(เดลีมาร์เก็ต 12 ก.ย.55)

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงพระราชพิธีอภิเษกสมรสของแกรนด์ดยุคกีโญม พระโอรสองค์โตในแกรนด์ดยุคอองรี และแกรนด์ดัชเชสมาเรีย เทเรซา แห่งลักเซมเบิร์ก

แต่แล้วเคาน์เตสสเตฟานี เดอ ลานัว พระคู่หมั้นชาวเบลเยียม กลับต้องเจอเรื่องเศร้า เมื่อเคาน์เตสอลิกซ์ มารดาของเธอ ถึงแก่กรรมอย่างกะทันหันด้วยโรคหลอดเลือดสมอง เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ขณะมีอายุ 70 ปี

พิธีฝังศพของเคาน์เตสอลิกซ์ มีขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่เมืองฟราสเนส อันวีญ ในเบลเยียม อันเป็นบ้านเกิดของเธอ โดยแกรนด์ดยุคกีโญม ทรงเคียงข้างพระคู่หมั้นอยู่ตลอดเวลา

แกรนด์ดยุคอองรี และแกรนด์ดัชเชสมาเรีย เทเรซา เสด็จร่วมพิธีครั้งนี้ พร้อมกับเจ้าชายเฟลิกซ์ พระโอรสองค์รอง เจ้าชายหลุยส์ พระโอรสองค์ที่สาม และเจ้าหญิงเทสซี พระชายาในเจ้าชายหลุยส์

ส่วนอาร์คดัชเชสมารี แอสตริด แห่งออสเตรีย พระเชษฐภคินีในแกรนด์ดยุคอองรี เสด็จพร้อมอาร์คดยุคคาร์ล คริสเตียน แห่งออสเตรีย พระสวามี

นอกจากนี้ สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลา แห่งเบลเยียม ซึ่งทรงสนิทสนมกับตระกูลเดอ ลานัว ก็เสด็จร่วมพิธีเช่นกัน พร้อมด้วยเจ้าฟ้าชายฟิลิป มกุฎราชกุมาร และเจ้าหญิงมาธิลด์ พระชายา

สำนักพระราชวังลักเซมเบิร์กออกแถลงการณ์ระบุว่า แกรนด์ดยุคอองรี แกรนด์ดัชเชสมาเรีย เทเรซา แกรนด์ดยุคกีโญม และราชวงศ์ลักเซมเบิร์ก ทรงเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งกับเคานต์ฟิลิปป์ เดอ ลานัว และครอบครัว

พร้อมกันนี้ มีการลดธงชาติลงครึ่งเสา ที่พระราชวังลักเซมเบิร์ก เพื่อเป็นเกียรติแด่เคาน์เตสอลิกซ์ ในฐานะมารดาของว่าที่แกรนด์ดัชเชสแห่งลักเซมเบิร์ก

เคาน์เตสอลิกซ์ มีชื่อเดิมว่า อลิกซ์ เดลลา ฟาเญอร์ เดอ เลเวอร์เกม สมรสกับเคานต์ฟิลิปป์ เมื่อปี 2508 มีบุตรและธิดารวม 8 คน เคาน์เตสสเตฟานีเป็นคนสุดท้อง

แกรนด์ดยุคกีโญม มกุฎราชกุมารแห่งลักเซมเบิร์ก พระชนมายุ 30 พรรษา และเคาน์เตสสเตฟานี วัย 28 ปี ประกาศการหมั้นหมายเมื่อเดือนเมษายน และมีกำหนดอภิเษกสมรสในเดือนหน้า โดยจะมีพิธีทางกฎหมายในวันที่ 19 ตุลาคม และพิธีทางศาสนาในวันที่ 20 ตุลาคม

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศเปลี่ยนแปลงหมายกำหนดการแต่อย่างใด

แกรนด์ดยุคอองรี และแกรนด์ดัชเชสมาเรีย เทเรซา

อาร์คดัชเชสมารี แอสตริด และอาร์คดยุคคาร์ล คริสเตียน

เจ้าชายเฟลิกซ์ 


เจ้าชายหลุยส์ และเจ้าหญิงเทสซี 

สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลา และเจ้าหญิงมาธิลด์



No comments: